วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

บั้งไฟพระยานาค

เรื่องราวอันน่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นในวันมหาปวารณา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือตรงกับวัน ออกพรรษาของประเทศลาว ซึ่งวันออกพรรษาของลาวจะถึงก่อนวันออกพรรษาของไทยหนึ่งวัน แต่บางปีก็มาพ้องตรงกัน ในวันนี้มีข่าวอึกทึกครึกโครมที่น่าตื่นเต้นสำหรับชาวพุทธกระจายไป ทั่วโลก คลื่นมหาชนจำนวนมากหลั่งไหลไปที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีการจับจองที่พักเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นโรงแรม วัด หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาลก็ไม่ได้เต็มไปด้วยคนไข้ แต่เต็มไปด้วยคนที่ไปพักเพื่อรอดูดวงไฟที่ลอยขึ้นมาจากกลางลำน้ำโขง ดวงไฟที่ลอยขึ้นไปสวยงามมาก หากมองจากริมฝั่งโขงจะเห็นเป็นดวงไฟเล็กๆ แต่รวมรัศมีของแสงก็ขนาดลูกบาสเกตบอล บ้างก็เห็นลอยขึ้นไปสูงกว่าพื้นน้ำไม่กี่สิบเมตร บ้างก็ว่าบางลูกสูงถึง ๑๐๐ เมตรก็มี บ้างก็บอกว่า สูงถึงต้นตาล บ้างก็ว่าเลยไปกว่านั้น บ้างก็เห็นแค่ไม่กี่ลูก บ้างก็บอกว่าจำนวนเยอะ บ้างก็บอกว่า บางปีรวมกันเป็นพันลูก บางปีก็มีวันเดียว บางปีก็มี ๒ วัน คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ กับวันแรม ๑ ค่ำ บางปีก็ขึ้นที่เดียวที่อำเภอโพนพิสัย บางปีก็มีหลายที่ แต่เดี๋ยวนี้มีเพิ่มขึ้นตามห้วย หนอง คลอง บึงต่างๆ แสดงว่าเรื่องนี้ต้องมีเหตุ ผู้เฒ่าผู้แก่ของพี่น้องชาวไทยลาวทั้ง ๒ ฝั่ง เขาเล่าสืบต่อกันมาว่า เป็นบั้งไฟพระยานาค ที่ท่านบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใส แต่พอตกมาถึงยุคนี้เข้าก็มีผู้ที่อยากจะรู้ว่า ดวงไฟที่เกิดขึ้นนี้จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ บ้างก็บอกว่า มนุษย์สร้างขึ้น บ้างก็บอกว่าไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ เพราะว่าทำยากเนื่องจากน้ำตรงนั้นลึกมากถึงร้อยเมตร บ้างบอกว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นอย่างไรไม่ทราบ ก็กลับไปพิสูจน์กันด้วยหลายๆ วิธีแล้ววิธีล่าสุดก็คือ เอาเครื่องมือไฮเทคทางวิทยาศาสตร์ไปจับกัน ก็สรุปกันไปต่างๆ นานา บ้างก็บอกว่าเป็นแก๊สธรรมชาติ แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องเกิดในวันนั้น ตรงกันทุกปี แต่บางท่านก็บอกว่าที่เกิดมาวันนั้นเพราะมันประจวบเหมาะครบวงโคจรระหว่าง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก มันก็เลยประจวบเหมาะกันเกิดขึ้น ก็มีนานาทรรศนะแต่ข้อสรุปสุดท้ายบอกว่าเกิดจากธรรมชาติ ในฐานะที่เราเป็นโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เราก็น่าจะมีทรรศนะของเราบ้าง ถ้าหากว่าบังเอิญไม่ไปตรงอะไรกับใคร หรือบางทีอาจพ้องบ้างก็ต้องถือว่า ให้ฟังเป็นนิทานฟังเพลินๆ อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง เหมือนกับเขาว่าอย่างนั้น เขาว่าอย่างนี้ ครูไม่ใหก็ว่าอย่างโน้น ทำนองนี้ไง ถ้าหากพอจะรับฟังกันได้บ้าง ก็รู้ไว้ใช่ว่าติดขาติดแข้งกันไป ไม่ต้องถึงกับใสบ่าแบกหาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น